ปัญหาท่อน้ำภายในรั่ว ถือเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร โดยเฉพาะกรณีที่เจ้าของบ้านอย่างเราๆ ไม่รู้ว่า “รอยรั่ว” นั้นอยู่จุดไหน จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถูกจุด ซึ่งปัญหานี้ เป็นภัยเงียบที่เราไม่ควรละเลย เพราะจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า บ้านเราเกิดปัญหาท่อน้ำภายในรั่วแล้ว เพราะเรามองไม่เห็น ไม่เหมือนก๊อกน้ำรั่ว สายฉีดรั่ว ที่เรามองเห็นได้ชัดๆ
วิธีสังเกตปัญหาท่อน้ำรั่วภายในอย่างง่ายๆ
สังเกตรอยซึมต่างๆ ภายในบ้าน มีรอยซึมตรงจุดใดของตัวบ้านหรือไม่ ถ้าไม่มี ไม่เจอ แต่เกิดพบว่า บิลค่าน้ำสูงผิดปกติ ต้องรีบตรวจสอบทันที
แล้วค่าน้ำแบบไหนที่จะเข้าข่ายว่า “ผิดปกติ” ให้ประเมินง่ายๆ เลย ถ้าบิลค่าน้ำบ้านเราเกิดสูงกว่าเดือนที่แล้วเกินกว่าเท่าตัว โดยที่สมาชิกภายในบ้านเท่าเดิม การใช้น้ำใกล้เคียงเดิม นี่ถือว่าผิดปกติแล้ว แสดงว่ามีปัญหา (ถ้าบิลค่าน้ำไม่เกิดความผิดพลาด ก็ต้องมีปัญหาท่อน้ำภายในรั่ว) เราควรรีบตรวจสอบ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้บริการจากหน่วยงานภาครัฐได้ เช่น การประปานครหลวง (กปน.) มีบริการตรวจสอบการรั่วของท่อน้ำภายในบ้าน แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 บิลค่าน้ำบ้านนั้นๆ เพิ่มขึ้นเท่าตัว กปน. ก็จะเข้ามาตรวจสอบให้ฟรี และหากพบว่ามีการรั่วซึมจริง ก็จะวงจุดที่รั่วซึมให้ หลังจากนั้นเจ้าของบ้านต้องหาช่างซ่อมเอง
กรณีที่ 2 บิลค่าน้ำไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่มีความสงสัยว่าอาจเกิดการรั่วของท่อน้ำภายใน สามารถให้เจ้าหน้าที่ของ กปน.มาตรวจสอบได้ แต่จะมีค่าใช้จ่าย เริ่มต้น 750 บาทต่อครั้ง
สำหรับการสังเกตด้วยวิธีอื่น นอกจากบิลค่าน้ำแล้วนั้น อาจจะยาก เพราะหลายกรณีที่น้ำรั่วภายใน ก็ไม่ได้มีเสียงน้ำให้ได้ยิน หรือไม่ได้เห็นอาการซึม ดังนั้น เราต้องช่างสังเกต ถ้าไม่สังเกตรอยรั่ว ก็ต้องสังเกตบิลค่าน้ำ ยิ่งปัจจุบันมีบริการหักค่าน้ำผ่านบัตรเครดิต เพื่อความสะดวกสบาย อาจจะทำให้เราไม่ได้สังเกตว่าค่าน้ำแต่ละเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ เพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างไร
ถ้าค่าน้ำในบ้านเรา เพิ่มขึ้นเท่าตัว ต้องรีบตรวจสอบ แต่ถ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 20-30% อาจจะไม่ได้ผิดปกติมาก แต่ก็อย่าชะล่าใจ ถ้าเรามองว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุมีผล เพราะจำนวนสมาชิกเท่าเดิม ใช้ปริมาณน้ำเท่าเดิม ก็ต้องหาวิธีตรวจสอบ ซึ่งอย่างน้อย ถ้าท่อน้ำภายในบ้านไม่ได้รั่ว ก็อาจเกิดจากปัญหาความผิดพลาดอย่างอื่นได้ที่ทำให้ค่าน้ำเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าปัญหาท่อน้ำภายในรั่วถือเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม อาจส่งผลต่อตัวบ้านของเราในอนาคต เพราะน้ำจะเซาะใต้ดิน อาจทำให้ที่ดินทรุด ดึงตัวบ้านทรุดลงไปด้วยได้ และอาจจะลามไปถึงเพื่อนบ้าน แต่นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาย ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งทางเจ้าของบ้านสามารถที่จะตรวจสอบได้ตั้งแต่โครงสร้างภายในบ้าน รวมไปถึงย้อนรอยอดีตตรวจสอบตัวที่ดินตั้งแต่เนิ่นๆ โดยตรงเลยก็ได้ ถือเป็นเรื่องที่ “รู้ไว้เร่งแก้ ดีกว่าแย่ในภายหลัง”
ที่มา : ddproperty